คุณจะส่งการ์ดทางไปรษณีย์ก็ได้ แต่มอบให้กับมือเองก็ดีเหมือนกัน! วิธีการ 2 ของ 3: เขียนจดหมายขอบคุณให้คุณครูของคุณเอง 1 เขียนจดหมายด้วยลายมือ. ถ้าเป็นไปได้ให้เขียนด้วยลายมือเพราะว่าผู้รับมักจะซาบซึ้งกว่า แต่ถ้าคุณเรียนจบภาคเรียน จบการศึกษา หรือไม่แน่ใจว่าจะพบคุณครูอีกครั้งได้อย่างไร คุณก็อาจจะพิมพ์และส่งทางอีเมลแทน ระดมความคิด. ลองคิดว่าคุณครูคนนี้สร้างความเปลี่ยนแปลงในชีวิตของคุณอย่างไรและคุณอยากจะขอบคุณคุณครูเรื่องอะไรเป็นพิเศษ เขียนรายการคำที่คุณใช้อธิบายประสบการณ์ที่คุณมีกับคุณครูคนนี้ เขียนจดหมายอย่างจริงใจและไม่ต้องเป็นทางการมากนัก อย่าพูดอะไรที่รู้ๆ กันอยู่แล้วหรือเขียนอะไรไร้สาระ คุณไม่ต้องบอกก็ได้ว่าคุณเขียนจดหมายฉบับนี้ทำไม อย่าพูดประมาณว่า "หนูเขียนมาขอบคุณคุณครูเรื่อง…" แค่ขอบคุณเฉยๆ ก็พอ! เริ่มเขียนจดหมาย. เริ่มเขียนจดหมายด้วยคำทักทายที่เป็นทางการถึงคุณครู เรียกคุณครูแบบที่คุณเรียกในห้องเรียน ถ้าคุณสนิทกับคุณครูถึงขั้นที่เรียกชื่อเล่น ในจดหมายก็ให้ใช้ชื่อเล่นของคุณครูตามปกติ เขียนว่า "เรียน" อย่าเขียนว่า "หวัดดีค่ะ" หรือ "ดีคับ" เพราะว่ามันดูเป็นการเป็นงานกว่าและเป็นการให้เกียรติคุณครูด้วย คุณอาจจะอยากเขียนจดหมายลงบนเครื่องเขียนสวยๆ คุณสามารถหาซื้อเครื่องเขียนในราคาไม่แพงมากได้ที่ร้าน Office Mate หรือร้านขายอุปกรณ์สำนักงานอื่นๆ [3] กล่าวขอบคุณ.
ขอบคุณคุณครูอีกครั้งและลงชื่อ เพิ่มความเป็นทางการเข้าไปในการลงชื่อด้วยคำลงท้ายว่า จึงเรียนมาเพื่อทราบ ขอแสดงความนับถือ ด้วยความนับถือ ด้วยความเคารพ ด้วยความเคารพอย่างยิ่ง ขอแสดงความขอบคุณจากใจ 7 ให้ลูกมีส่วนร่วม. ไม่ว่าลูกจะอยู่ชั้นอะไร พวกเขาก็ช่วยเพิ่มความประทับใจส่วนตัวลงไปในจดหมายของคุณได้ ภาพวาดหรือการตกแต่งของเจ้าตัวก็เป็นความคิดที่ไม่เลว หรือคุณจะให้ลูกเขียนจดหมายหรือข้อความแยกต่างหากก็ดีเหมือนกัน คุณอาจจะช่วยลูกรวบรวมภาพตัดปะจากวัสดุที่ได้จากชั้นเรียนมาระบายสี ตกแต่ง ลงชื่อ และติดไปกับจดหมายด้วยก็ได้ ถ้าลูกอยู่ชั้นประถม ช่วยเขาเขียนจดหมายขอบคุณสั้นๆ (ประมาณครึ่งหน้า) ในแบบที่ดีที่สุดเท่าที่เขาจะเขียนได้ หรือถ้าลูกคุณคือศิลปินตัวน้อย คุณก็อาจจะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้เขาก็ได้ แนะนำให้เขาวาดภาพคุณครูหรือภาพสิ่งต่างๆ ที่เขาจำได้จากวิชาของคุณครูคนนี้ จะวาดเป็นลายเส้นขยุกขยิกก็ได้! ถ้าลูกอยู่ชั้นมัธยมต้นหรือมัธยมปลาย ให้ช่วยลูกเขียนจดหมายขอบคุณครึ่งถึง 1 หน้าเกี่ยวกับความทรงจำดีๆ ที่เขามีต่อวิชานี้ ถ้าลูกเป็นเด็กพิเศษ ให้ช่วยเขาเขียนจดหมายหรือวาดภาพให้ดีที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ [2] ตกแต่งการ์ดด้วยสติกเกอร์หรือกากเพชร หรือคุณจะวาดรูปแล้วให้ลูกเป็นคนตกแต่งก็ได้ 8 แนบของขวัญเล็กๆ น้อยๆ (แล้วแต่).
ตัวอย่าง การเขียนจดหมายลาครู ๒๘๘/๑ หมู่ 10 ตำบลจีกแดก อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ๓๒๑๔๐ ๔ กันยายน ๒๕๕๗ เรื่อง ขออนุญาตลาป่วย เรียน คุณครูประจำวิชาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕/๔ ด้วยกระผมนายชัยพิชิต นามสมมุติ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕/๔ เลขที่ ๑ ไม่สามารถมาเรียน ได้ตามปกติ เนื่องจากป่วยเป็นลำไส้อักเสบ มีอาการปวดศีรษะเป็นระยะ ๆ และไม่สามารถเดินได้ ดังนั้นกระผม จึงขออนุญาตลาป่วย โดยขอหยุดเรียนตั้งแต่วันที่ ๔ กันยายน พ. ศ. ๒๕๕๗ ถึงวันที่ ๘ กันยายน พ. ๒๕๕๗ รวมเป็นเวลา ๕ วัน เมื่อครบกำหนดแล้วกระผมจะมาเรียนตามปกติ จึงเรียนมาเพื่อใคร่ขออนุญาตหยุดเรียนในวันดังกล่าว ด้วยความเคารพอย่างสูง นายชัยพิชิต นามสมมุติ ข้าพเจ้าขอรับรองข้อความในจดหมายของนายชัยพิชิต นามสมมุติข้างต้นเป็นความจริงทุกประการ..................................... สายสวาท นามสมมุติ ( ผู้ปกครอง) แบบฟอร์มการเขียนจดหมายลาครู ๑. มุมขวาบนด้านขวา ให้เขียนที่อยู่ของผู้เขียน ๒. เขียนวัน เดือน ปี ที่เขียนจดหมาย ตรงกึ่งกลางหน้ากระดาษ ๓. คำขึ้นต้น เว้นระยะคั่นหน้ากระดาษ ๑. ๕ นิ้ว ๔. เนื้อหา เริ่มเขียนโดยย่อหน้าเล็กน้อย โดยเขียนบอกสาเหตุ และบอกระยะเวลาการลา ๕.
แสดงให้คุณครูเห็นว่าคุณอยากติดต่อกับคุณครูอยู่ เสนอให้คุณครูติดต่อหาคุณและบอกช่องทางที่คุณครูจะติดต่อคุณได้ ลงชื่อจดหมาย. ขอบคุณคุณครูอีกครั้งและลงชื่อ ใส่ข้อมูลติดต่อหากคุณยังอยากติดต่อกับคุณครูอยู่ เพิ่มความเป็นทางการลงไปในจดหมายด้วยการลงท้ายจดหมายว่า ด้วยความนับถืออย่างยิ่ง ส่งจดหมาย. ถ้าเป็นไปได้ให้ส่งจดหมายให้กับมือ ใส่ไว้ในกล่องจดหมายของคุณครูที่ออฟฟิศในมหาวิทยาลัย หรือส่งไปรษณีย์โดยตรงเลยก็ได้ ถ้าคุณไม่มีทางเลือกอื่น ให้ส่งจดหมายทางอีเมลแทน ถ้าคุณส่งจดหมายทางอีเมล คุณต้องใส่ที่อยู่อีเมลที่รู้จักกันทั่วไป (เช่นอีเมลของมหาวิทยาลัยถ้าเป็นไปได้) และเขียนหัวเรื่องให้ชัดเจน เช่น "จดหมายขอบคุณจากอนุพงศ์" ถ้าคุณครูไม่รู้ว่านี่เป็นอีเมลของคุณ คุณครูก็อาจจะไม่ได้เปิดอ่าน วิธีการ 3 ของ 3: เพิ่มความประทับใจส่วนบุคคล 1 ใส่คำพูดสร้างแรงบันดาลใจ. ถ้าคุณเขียนจดหมายถึงคุณครูที่สอนวิชาภาษาไทยหรือประวัติศาสตร์ วิธีนี้จะยิ่งดีเป็นพิเศษ ใส่คำพูดจากเรื่องที่อ่านในห้องเรียนที่คุณประทับใจ 2 ใส่มุกตลก. เล่นมุกเกี่ยวกับสิ่งที่คุณได้เรียนรู้ในห้องเรียนโดยเน้นมุกที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่คุณเขียน หรือคุณอาจจะเขียนความทรงจำตลกๆ ที่คุณมีเกี่ยวกับวิชานั้นโดยเฉพาะลงไปก็ได้ 3 เล่าเรื่อง.