1. อย่าจ่ายหนี้แต่วงเงินขั้นต่ำ โดยทั่วไปแล้วเรามักจะใช้บัตรประเภทที่ว่ารูดซื้อนั่นนี่ หรือเบิกถอนเงินสดมาใช้จ่ายด้วยวงเงินที่เป็นจำนวนมาก แล้วจึงมาทยอยผ่อนจ่ายหนี้ขั้นต่ำกันทีหลัง ซึ่งอัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารส่วนใหญ่กำหนดขั้นต่ำนั้นอยู่ที่ไม่เกิน 25% ต่อปี การที่เราผ่อยจ่ายหนี้ขั้นต่อไปเรื่อย ๆ เงินส่วนใหญ่ก็จะหมดไปกับดอกเบี้ย และลดเงินต้นไปนิดเดียว ทำให้เราเป็นหนี้ไปเรื่อยๆ ไม่จบสักที 2. จ่ายหนี้ให้ตรงเวลา ในทุก ๆ เดือนเราควรจะจ่ายหนี้บัตรกดเงินสดให้ตรงเวลา หรือจะจ่ายก่อนที่จะมีใบแจ้งหนี้มาก็ได้อีกเช่นกัน ซึ่งการทำเช่นนี้จะช่วยให้เราไม่ต้องเสียค่าปรับต่างๆ เช่น ค่าติดตามทวงถามหนี้ ค่าปรับที่ทำระล่าช้า และให้เราไม่มีประวัติที่ไม่ดีทาางการเงินช่วยให้การขอสินเชื่อครั้งต่อไปราบรื่นไม่ติดปัญหา 3. ใช้จ่ายวงเงินต่อรอบบิลอย่างพอดี วงเงินในบัตรกดเงินสดมักจะให้ไว้ไม่เกิน 1. 5 - 5 เท่าของเงินเดือนที่ได้รับแต่ถึงกระนั้นก็ไม่ควรมาเบิกถอนใช้วงเงินไปเต็ม 100% ควรนำมาใช้เท่าที่จำเป็นเท่านั้น ซึ่งจะทำให้เราเสียดอกเบี้ยเท่าที่เรานำออกมาใช้ หามีเหตุต้องการใช้เงินเพิ่มก็ค่อยไปทำการกดเงินออกมาใหม่ครับ 4.
หลายๆ คนคงอาจจะเคยได้ยินและเคยใช้งานบัตรกดเงินสดกันมาบ้างแล้ว แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่ยังไม่รู้ว่าเจ้าบัตรสินเชื่อประเภทนี้คืออะไร และมีเงื่อนไขการใช้งานอย่างไรบ้าง วันนี้ Estopolis จะพามาทำความรู้จักกับคุณสมบัติของบัตรกดเงินสดกัน ซึ่งวันนี้เราจะมาพูดถึง 3 หัวข้อควรรู้หลักๆ ของคนที่อยากจะทำบัตรกดเงินสด รับรองว่าครอบคลุมข้อมูลเบื้องต้นที่ควรรู้แน่นอน บัตรกดเงินสด คืออะไร? ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับบัตรกดเงินสดกันก่อนดีกว่า ซึ่งก็ตรงตามชื่อเลย บัตรกดเงินสด คือ สินเชื่อส่วนบุคคลประเภทหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายกับบัตรเครดิต เพียงแต่ว่าสามารถใช้กดเงินสดจากตู้ ATM ได้ตามวงเงินที่ทางสถาบันการเงินอนุมัติให้ได้เท่านั้น ทำให้เราสามารถกดเงินสดได้ทุกเมื่อที่ต้องการ เหมือนมีตู้ ATM ติดตัวตลอดเวลา โดยข้อดีของการกดเงินสดจากบัตรกดเงินสดที่ต่างจากบัตรเครดิตก็คือไม่เสียค่าธรรมเนียม สมัครง่าย อนุมัติไว ไม่ต้องมีผู้ค้ำประกัน อีกทั้งยังให้วงเงินสูงสุดถึง 5 เท่าหรือไม่เกิน 1 ล้านบาทอีกด้วย มีบัตรกดเงินสดติดตัวไว้ อุ่นใจเมื่อต้องใช้ยามฉุกเฉินแน่นอน บัตรกดเงินสดมีดอกเบื้ยหรือไม่? ดอกเบี้ยบัตรกดเงินสดเป็นอย่างไร? บางคนก็อาจจะกังวลว่า ดอกเบี้ยบัตรกดเงินสดจะสูงหรือเปล่า?
อัตราดอกเบี้ยสูง ถึงแม้จะเฉลี่ยคิดเป็นรายวัน ควรกดใช้เฉพาะเมื่อมีเหตุจำเป็นฉุกเฉินเท่านั้น และไม่มีระยะเวลาปลอดดอกเบี้ยเหมือนบัตรเครดิต แม้กดใช้วันเดียวก็เสียดอกเบี้ยแล้ว 2. ควรวางแผนการผ่อนชำระคืนเงินต้นด้วย เพราะหากชำระแต่ยอดขั้นต่ำจะทำให้เสียดอกเบี้ยจำนวนมาก ดังนั้น ภายใต้ความสะดวกนั้น ผู้ถือบัตรก็ต้องไม่ลืมว่าต้องรับผิดชอบในการชำระหนี้ด้วย ดังนั้น ก่อนจะ 'รูดบัตรเครดิต' หรือ 'กดบัตรกดเงินสด' ก็ต้องคิดสักนิดว่า 1. มีความสามารถในการชำระหนี้มากน้อยขนาดไหน ในแต่ละเดือนตัวเองมีรายรับเท่าไหร่ ใช้จ่ายในส่วนอื่นมากแค่ไหน หลังชำระแล้วมีเงินเหลือออมหรือไม่ (ทางที่ดีหลังชำระทุกอย่างรวมหนี้บัตรแล้วควรเหลือเงินออมอย่างน้อย 20% ของรายรับแต่ละเดือน เพื่อเป็นช่องทางฉุกเฉินหากต้องใช้เงินมากกว่าปกติ) 2. ต้องการกู้เงินด้วยบัตรกดเงินสดจริงๆ หรือเปล่า มีความจำเป็นมากแค่ไหน การใช้งานเยอะยิ่งต้องเสียดอกเบี้ยเยอะ ถ้ารับจำนวนดอกเบี้ยในส่วนนี้ได้แล้วคิดว่าไม่ส่งผลกระทบ หรือจำเป็นต้องใช้เงินเยอะๆ ในเวลาสั้นๆ การมีบัตรเงินสดติดตัวอาจเป็นตัวช่วยได้ บัตรต่างๆ ไม่ได้มีเพื่อสร้างหนี้แต่เป็นหนึ่งในหนทางที่จะต้องใช้เพื่อบริหารเงินอย่างมีประสิทธิภาพ ทางที่ดีควรเก็บไว้เป็นตัวเลือกเผื่อฉุกเฉินก็คงเป็นการดีที่สุดแล้ว
ผู้สมัครบัตรกดเงินสด A money ต้องมีคุณสมบัติอย่างไร? มีสัญชาติไทย อายุ 20-60 ปี* รายได้ประจำตั้งแต่ 5, 000 บาทขึ้นไป อายุงาน 1 เดือนขึ้นไป มีหมายเลขโทรศัพท์ที่บ้านหรือที่ทำงานที่สามารถติดต่อได้ มีที่อยู่และที่ทำงานอยู่ในเขตพื้นที่บริการ หมายเหตุ: * 20 ปีบริบูรณ์จนถึงไม่เกิน 60 ปี นับจากวันสมัคร ต้องการสมัครบัตรกดเงินสด A money จะต้องทำอย่างไรบ้าง?
พ. 2564 Refinn Writer ช่วยเปรียบเทียบโปรโมชั่นที่ประหยัดดอกเบี้ยที่สุด ฟรี ไม่มีค่าบริการเพิ่มเติม
มีวิธีการคิดดอกเบี้ยอย่างไร?
ซึ่งบัตรกดเงินสด ก็คือสินเชื่อส่วนบุคคลประเภทหนึ่ง และเราเองก็สามารถเข้ามาเปรียบเทียบสินเชื่อส่วนบุคคล หรือบัตรกดเงินสดได้ครับ แค่คลิกที่นี่ หรือแอดไลน์มาสอบถามเพิ่มเติมได้ครับ ที่ [email protected]: @masii ครับ
เคยไหม.. มีบัตรเครดิต อยู่แล้ว แต่ธนาคารก็ยังชวนเปิดบัตรกดเงินสดอีก แล้วถ้าธนาคารอนุมัติมาทั้ง 2 บัตร จะใช้อย่างไรดี? ตัวช่วยยามขาดสภาพคล่อง ที่แม้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่มีความคล้ายกัน ใช้หลักฐานการอนุมัติจากสถาบันการเงินเจ้าของบัตรที่ไม่ต่างกัน แต่ทั้งบัตรเครดิต และบัตรกดเงินสดกลับมีรายละเอียดที่แตกต่างกัน …ที่รู้แล้วต้องใช้ให้ถูก! บัตรเครดิต 1. ใช้สำหรับรูดซื้อสินค้า จ่ายค่าบริการ 2. ผ่อนสินค้า 0% 3-10 เดือน รับสิทธิพิเศษต่างๆในบัตร เช่น นั่งเล้าจน์ แลกของรางวัล ส่วนลด เติมน้ำมัน 3. ใช้กดเงินสดไม่คุ้ม [เพราะเสียค่าธรรมเนียม 3% และ vat 7%] 4. จ่ายคืนขั้นต่ำ 10% จากยอดใช้ บัตรกดเงินสด 1. ใช้สำหรับกดเงินสดที่ตู้ ATM เท่านั้นโดยไม่มีค่าธรรมเนียม 2. ใช้ผ่อนสินค้าได้ แต่รูดซื้อสินค้าหรือบริการไม่ได้ 3. เป็นเงินฉุกเฉินสามารถใช้ได้ทุกเมื่อ 4.