วันที่ 18 ก. ค. 2564 เวลา 10:15 น.
Post Views: 2 " เพื่อสุขภาพ" ชุมชนสุขภาพ เรื่องราวตรงใจ ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย รุ่นไหนก็รัก ♡ มาดู! ส าเหตุการเป็นตะคริวมาจากอะไร? ป้องกันแก้ไขยังไงได้ผล หลายคนเคยเป็นอาการตะคริวไม่ว่าจะเพราะ ท่านั่งทำงาน ที่ผิด หรือเป็นในขณะนอนหลับ จนมักจะถูกปลุกให้ตื่นกลางดึกโดยกะทันหันเพราะเป็นตะคริวที่กล้ามเนื้อ ส่งผลให้เกิดอาการปวดอย่างรุนแรง แม้ว่าโดยทั่วไปจะไม่ได้เป็นอันตรายมากนัก แต่การเกิดตะคริวของกล้ามเนื้ออาจทำให้ไม่สามารถใช้กล้ามเนื้อที่ได้รับผลกระทบได้ชั่วคราว และเพื่อจัดการกับอาการตะคริว เราจะพาทุกคนไปรู้ถึง สาเหตุการเป็นตะคริว รวมถึงเป็นตะคริวบ่อยขาดวิตามินอะไรบ้าง เพื่อให้เราได้ดูแลสุขภาพและจัดการกับอาการตะคริวอย่างได้ผลกันค่ะ สาเหตุการเป็นตะคริว คืออะไร? ดูแลและป้องกันอย่างไรดี?
ผู้หญิงหลายคน นอกจากอยากมีรูปร่างที่ดีแล้ว คงหนีไม่พ้นอยากมีขาที่เรียวสวย แต่ถ้าเจอภาวะ "ขาโก่ง" แล้วล่ะก็ ทั้งกระโปรงสั้น หรือ กางเกงขาสั้น คงต้องพับเก็บเข้าตู้กันไปเลย แล้ว "ขาโก่ง" เกิดจากอะไร แก้ไขได้หรือไม่ มาไขคำตอบกัน ขาโก่ง (Bowed legs) เป็นภาวะผิดปกติของรูปขา ที่ทางการแพทย์เรียกว่า Genu Varum เป็นสภาพเข่าที่โค้งออกจากเส้นแนวกระดูกต้นขา และขางอชี้ออกด้านนอก โดยสาเหตุของการเกิดขาโก่งก็มีอยู่หลายปัจจัย 1. พันธุกรรม 2. ความผิดปกติตั้งแต่กำเนิด 3. โรคความผิดปกติของกระดูก 4. การนั่ง หรือเดินในท่าที่ไม่เหมาะสมจนเป็นนิสัย เช่น ชอบนั่งแบะขา หรือติดนิสัยเดินเอาปลายเท้าชี้ออกด้านนอก หรือติดนิสัยยืนขาโก่ง เป็นต้น 5. โรคกระดูกอ่อน จากภาวะขาดสารอาหารในการสร้างกระดูก เช่น แคลเซียม ฟอสเฟต วิตามินดี ทำให้กระดูกอ่อนบางมีการโค้งงอของกระดูกได้ 6. การบาดเจ็บของกระดูกอ่อน ด้านในของกระดูกต้นขาด้านใดด้านหนึ่ง หรือทั้งสองข้าง ทำให้การปิดของกระดูกเร็วกว่าปกติ ส่งผลให้แนวกระดูกผิดไป 7. การเสื่อมของกระดูกและข้อของร่างกาย โดยเฉพาะตำแหน่งข้อเข่า จนทำให้เกิดการผิดรูปของข้อเข่า กลายเป็นขาโก่งได้ วิธีเช็กขาโก่งหรือไม่ 1.
โรคลำไส้ทำงานแปรปรวน หรือที่เรียกกันว่า โรค ไอบีเอส (Irritable Bowel Syndrome:IBS) โรคนี้มีมานานแล้ว แต่ที่เราไม่ค่อยจะได้ยินหรือคุ้นหูนัก เนื่องจากเป็นโรคที่วินิจฉัยได้ยาก แต่ปัจจุบันมีความรู้เกี่ยวกับโรคไอบีเอสเพิ่มมากขึ้น และมีการกำหนดหลักเกณฑ์ในการวินิจฉัยให้ชัดเจนขึ้น จึงส่งผลให้แพทย์สามารถวินิจฉัยโรคนี้ได้ดียิ่งขึ้น ศ. คลินิก. นพ.
ศ. อุดม กล่าวว่า โรคนี้ไม่ใช่ โรคมะเร็ง และจะไม่กลายเป็นมะเร็งแม้จะมีประวัติเป็นๆหายๆ มานาน ยิ่งผู้ป่วยมีอาการมานานเป็นปีๆ โอกาสเป็น โรคมะเร็ง ยิ่งน้อยมาก แต่ที่ต้องระวัง คือ ผู้ป่วยสูงอายุที่มีอาการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม หรือเพิ่งมามีอาการท้องเสียหรือท้องผูก หลังอายุ 40-50 ปี อาจมีความเสี่ยงที่จะเป็น "โรค มะเร็งลำไส้ " (เกิดร่วมกับไอบีเอส) ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการตรวจและสืบค้นโดยแพทย์ให้รู้สาเหตุที่แน่นอน โรคไอบีเอส รักษาหายขาดหรือไม่?