เลย ได้ละสังขารมรณภาพไปนานนับสิบปี แต่ยังเป็นที่เคารพเลื่อมใสจากบรรดาคณะศิษยานุศิษย์ทั่วไปอย่างสม่ำเสมอ ในปัจจุบัน คณะศิษยานุศิษย์ หลวงพ่อสีทน ได้สร้างเจดีย์เป็นอัฐบริขารและรูปเหมือน หลวงพ่อสีทน ให้ชาวบ้านได้กราบไหว้บูชาที่วัดถ้ำผาปู่ ร่วมกับหลวงปู่คำดี ปภาโส พระอาจารย์ของท่านด้วย บทความพระเครื่อง
122 (พ. 2446) พระอุโบสถสร้างขึ้นเมื่อ พ. 2450 และได้ปฏิสังขรณ์ใหม่เมื่อปี พ. 2492 เป็นพระอุโบสถขนาดใหญ่ทรงไทย ใช้อิฐโบราณแผ่นใหญ่ เสาสี่เหลี่ยม ผนังก่ออิฐถือปูนแบบโบราณ มีลวดลายแกะสลักที่บานประตูและเขียนลายรดน้ำที่บานหน้าต่าง พระวิหารสร้างเมื่อประมาณปี พ. 2450 เช่นเดียวกันมีลักษณะเป็นอาคารก่ออิฐถือปูนแบบจีน (ปัจจุบันใช้เป็นตึกห้องสมุด) กุฏิ สงฆ์ที่สร้างตามแบบ สถาปัตยกรรมจีน-โปรตุเกส และศาลาแม่ปล้องสร้างเมื่อ พ.
วัดบ่อน้ำจืด ที่ตั้ง ตำบลดอนข่อย อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม ประเภท วัดราษฎร์ นิกาย มหานิกาย พระพุทธรูปสำคัญ หลวงพ่อพุทธนิมิตร เจ้าอาวาส พระครูอมรบุญญารักษ์ (บุญรอด) นาถกโร ส่วนหนึ่งของ สารานุกรมพระพุทธศาสนา วัดบ่อน้ำจืด เป็น วัดราษฎร์ สังกัดคณะสงฆ์ฝ่าย มหานิกาย ตั้งอยู่ใน ตำบลดอนข่อย อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม มีพื้นที่ตั้งวัดราว 40 ไร่ วัดบ่อน้ำจืดเริ่มสร้างมาในราว พ. ศ. 2460 ประกาศตั้งวัดเมื่อ พ. 2485 [1] จากคำบอกเล่าของผู้สูงอายุในหมู่บ้าน เดิมมีพระจำพรรษาอยู่เพียง 2–3 รูป เท่านั้น หนึ่งในนั้นคือ หลวงพ่อปลื้ม จนฺทราหู ท่านได้รับตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดบ่อน้ำจืดรูปแรก และได้ทำการสร้าง อุโบสถ จนแล้วเสร็จเพื่อทำสังฆกรรม ได้รับพระราชทาน วิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ. 2489 ต่อมาหลวงพ่อปลื้มมรณภาพลง หลวงพ่อเง สุทินฺโน ซึ่งบวชอยู่กับหลวงพ่อปลื้ม จึงได้รับตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสในลำดับมา ท่านได้บูรณะอุโบสถที่ชำรุดแต่เนื่องจากอุโบสถมีความชำรุดมาก จึงได้สร้างอุโบสถหลังใหม่บนพื้นที่อุโบสถเดิม และได้ทำพิธีผูก พัทธสีมา เมื่อ พ. 2524 และทำพิธีตัดหวายลูกนิมิต เมื่อ พ. 2538 ต่อมาหลวงพ่อเงมรณภาพเมื่อ พ.
ศ. 2534ว่าเป็นพระพุทธรูปทองคำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก หลวงพ่อทองคำ มีขนาดหน้าตักกว้าง 6 ศอก 5 นิ้ว หรือมากกว่า 2. 50 เมตร ความสูงจากพระเกตุมาลาถึงฐานทับเกษตร (ฐานที่รองรับพระพุทธรูป) 7 ศอก 1 คืบ 9 นิ้ว หรือประมาณ 3. 04 เมตร 10 ฟุต น้ำหนักประมาณ 5. 5 ตัน และที่สำคัญคือสร้างด้วยทองคำแท้ มีมูลค่าสูงกว่า 21 ล้านปอนด์ ตามที่ถูกบันทึกไว้ในหนังสือกินเนสส์บุ๊ค ในปี พ. 2533 ตามตำนานเชื่อกันว่าหลวงพ่อทองคำเป็นพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย เมื่ออาณาจักรเสื่อมอำนาจลง ชาวเมืองจึงได้ลงรักและพอกปูนทับเนื้อทองคำขององค์พระพุทธรูปไว้ให้รอดพ้นจากข้าศึกศัตรู ทำให้ไม่มีใครรู้เลยว่าพระพุทธรูปองค์นี้มีเนื้อแท้เป็นทองคำ จนในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 1 โปรดเกล้าฯ ให้ชะลอพระพุทธรูปจากหัวเมืองมาประดิษฐานยังกรุงเทพฯ หลวงพ่อทองคำที่ถูกปูนพอกไว้ทั้งองค์ก็ถูกอัญเชิญมาด้วยเช่นกัน โดยตอนแรกได้ไปประดิษฐานอยู่ที่วัดพระยาไกรอยู่นาน จนเมื่อปี พ.
2493–2523) จึงได้สร้างชุกชีและลงรักปิดทองเป็นพระพุทธรูปที่สวยงาม พระพุทธรูปปางลีลาประดิษฐานอยู่หน้าพระอุโบสถเป็นพระพุทธรูปหล่อด้วยทองเหลือปนนากเงินทองทั้งองค์สูง 3 เมตร 25 เซนติเมตร สร้างขึ้นเมื่อ พ. 2500 ในโอกาสฉลอง 25 พุทธศตวรรษ รอย พระพุทธบาท จำลองประดิษฐานในพิพิธภัณฑ์ของวัด เป็นรอยพระพุทธบาทแกะสลักด้วยหินอ่อน มีอยู่ 4 องค์ เป็นรอยใหญ่ 1 องค์ และมีรอยเล็ก 3 องค์ ย่อส่วนลงมาเป็นลำดับอยู่ในองค์ใหญ่ [4] อ้างอิง [ แก้]